หลุมศพแห่งอเล็กซานเดรีย
หลุม ศพแห่งอเล็กซานเดรีย เป็นอุโมงค์ฝังศพใต้ดินของกษัตริย์อียิปต์โบราณ อยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ อุโมงค์ฝังศพนี้มีชื่อเรียกว่า คาตาโกมบ์ ขุดลึกเข้าไปในภูเขาหินทรายเป็นชั้น ๆ บางตอนลึกถึง 70 –80 ฟุต มีทางเดินกว้าง 3- 4 ฟุต เดินวกไปเวียนมาเป็นระยะทางนับหลายไมล์ ตามริมผนังอุโมงค์ขุดเป็นช่องๆ ลึกเข้าไปเพื่อใช้เป็นที่บรรจุศพ มีแท่นบูชาอยู่หน้าช่องบรรจุศพเหล่านั้นพร้อมด้วยตะเกียงดวงเล็ก ๆ แขวนไว้ บางส่วนของอุโมงค์ตกแต่งสวยงามวิจิตรตระการตาจัดเป็นสิ่งก่อสร้างมีหัศจรรย์ อย่างหนึ่งของโลกในสมัยกลางปัจจุบันยังคงมีสภาพสมบูรณ์พอจะให้ผู้ชมที่สนใจ ไปชมได้
คาซาบกา
ราชอาณาจักรโมร็อกโก เมืองใหญ่ที่สุด พลุกพล่านที่สุด นามคาซาบลังกา ได้ชื่อมาจากพวกโปรตุเกส เมื่อหลายศตวรรษมาแล้ว ครั้งยังเป็นเมืองท่าเล็กๆ ไร้ความสำคัญ คาซาบลังกาถูกทำให้ติดปาก เพราะภาพยนตร์และเพลงเมื่อ 30-40 ปีก่อน ทุกวันนี้ คาซาบลังกาคือศูนย์กลางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ เป็นที่ที่จะเห็นผู้หญิงใส่ เสื้อเอวลอยและกระโปรงสั้น อวดขาสวย เดินคุยกับผู้ชายอย่างเปิดเผย
สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2
สุเหร่า แห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ เมื่อปีค.ศ. 1993 ในวาระเฉลิมพระชนม์ครบ 60 พรรษาของกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ก่อนของ โมร็อกโก เป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่มากเป็นอันดับสองรองก็เพียงที่เมกกะ และหอคอยก็สูงถึง 210 เมตร ว่ากันว่าสามารถนำนอตเตรอดามแห่งปารีสหรือมหาวิหารเซนต์ปี เตอร์แห่งโรมใส่ลงไปได้เลยทีเดียว ภายในจุผู้เข้ามาร่วมทำพิธีทางศาสนาได้กว่า 25,000 คน ส่วนลานโดยรอบภายนอกก็จุผู้คนได้อีกร่วม 80,000 ชีวิต นอกจากจะใช้ศิลปะ สไตล์โมร็อกโกทุกแขนงในการก่อสร้างแล้ว สถาปนิกผู้ออกแบบชาวฝรั่งเศส มิเชล แปงโซ (Michel Pinseau) ยังใส่เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปด้วย ทั้งเครื่องทำความร้อน สำหรับอุ่นพื้น หลังคาที่เลื่อนเปิดให้แสงส่องเข้ามาได้ รวมทั้งประตูเหล็กบานใหญ่ที่ใช้ไฟฟ้าในการเลื่อนขึ้นและลง
เทือกเขาไฮแอตลาส
อันสูงตระหง่าน....เทือกเขานี้กั้น ความชื้นจากทะเลทำให้ดินแดนทางตอนใต้ของเทือกเขาแห้งแล้ง...เป็นทะเลทรายซา ฮารา โมร็อกโกมีเทือกเขาสูงอยู่ สามช่วง ทางเหนือสุดคือเดอะรีฟ (The Rif) ภาคเหนือตอนกลางคือมิดเดิลแอตลาส และกลางประเทศคือไฮแอตลาส ทำให้ภูมิประเทศมีความหลากหลายมาก ทั้งชุ่มชื้น ทั้ง แห้งแล้ง
เฟช (Fes)
ประเทศ โมร็อคโค ตรอกซอกซอยนับได้ถึงราว 9,000 แขนง ที่ซับซ้อนประดุจเขาวงกตของเมืองเก่าเฟซ คือเสน่หฺ์ที่ลวงล่อให้ใครต่อใครไปติดกับ ให้หลงใหล จนยากจะหาทางออก ได้ นี่คือที่ตั้งของเมืองซึ่งนับย้อนอายุไปได้กว่าพันปี เมืองยุคกลางที่ยังมีผู้คนอาศัยอยู่จริง ยังมีการใช้ลาเป็นพาหนะสัญจรขนของ และยังมีกลิ่นอายของนิยายปรัมปราอยู่ทุกอณู
เกรต เวสเทิร์น เอิร์ก แดนแห่งเนินทรายเคลื่อนที่
เนินทรายมากมายแลลิบตามีด้านข้างลาดเรียบ มีสันแหลมชันดูเหมือนกันไปหมดทั้งยังเคลื่อนขยับไปสู่เส้นขอบฟ้าอยู่ตลอดเวลา เนิน ทราย แห้งแล้งที่เคลื่อนขยับไปมาในเกรต เวสเทิร์น เอิร์ก (Great Western Erg) หรือ "เอิร์กยิ่ง ใหญ่ฝั่งตะวันตก" นี้ อัลแบร์ กามู นักเขียนเชื้อสายฝรั่งเศสผู้เกิดในแอลจีเรียบรรยายไว้ว่าเป็น "ดินแดนแห่ง ความงดงามอันไร้ประโยชน์ทว่าไม่อาจหาที่ใดมาทดแทนได้" สำหรับกามูแล้ว ภูมิทัศน์อันแห้งแล้งอ้างว้าง วังเวงนี้เป็นเหมือนบ้านที่คุ้นเคย ณ ที่นี้สายลมจะโบยตีพื้นทรายให้กลายเป็นรูปทรงประหลาดน่าอัศจรรย์อย่างไม่ รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่แล้วกลับทำลายลงในไม่กี่วัน แสงแดดทะเลทรายอันร้อนแรงแผดเผาบริเวณนี้ให้มีอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส นับเป็นดินแดนที่ร้อนแห้งแล้งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หากความร้อนนี้น้อยไปสำหรับทด สอบความทรหดของมนุษย์ ความร้อนระอุจากพื้นทรายก็ยังเผาอากาศให้เป็นคลื่นระริก ทำให้ภูมิทัศน์ที่ มนุษย์มองเห็นนั้นพร่าเลือน ยิ่งไปกว่านั้นเนินทรายมากมายแลลิบตาก็ยังมีด้านข้างลาดเรียบ และมีสันแหลม ชันดูเหมือนกันไปหมด อีกทั้งยังเคลื่อนขยับไปสู่เส้นขอบฟ้าอยู่ตลอดเวลา นับเป็นภาพน่างงงวยยิ่ง ทำให้ แม้แต่ผู้ที่ปกติมีจิตใจเข้มแข็งที่สุดยังอดรู้สึกพรั่นพรึงไม่ได้
รูเวเซอรี ทิวเขาแห่งดวงจันทร์
สแตลีย์ เคยได้ยินคำร่ำลือถึง "ทิวเขาแห่งดวงจันทร์" ซึ่งปโตเลมีนักคณิตศาสตร์และนักภูมืศาสตร์ชาว กรีก (ค.ศ.90-168) เคยแถลงว่าเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำไนล์ ตามคำเล่าขานทิวเขานี้ตรงกับเทือกขาที่เรียก กันว่า รูเวนซอรี (Ruwenzori) ซึ่งอยู่ในดินแดนห่างไกลผู้คน ขณะที่สแตนลีย์เฝ้าดูภาพดังกล่าวเผยพ้นกลุ่ม หมอกออกมา เขาก็ตระหนักว่าภูเขาที่เห็นนั้นไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็น "ภูเขาที่มีอยู่จริงและบนยอดเขามีหิ มะปกคลุมอยู่....ข้าพเจ้าจึงนึกขึ้นมาได้ตอนนั้นเองว่า นี่ต้องเป็นภูเขารูเวนซอรีอย่างไม่ต้องสงสัย" บรรยากาศ อันร่มครึ้มด้วยพืชพรรณ ขนาดมหึมาดุจในนิยายวิทยาศาสตร์นี้ช่างสมกับชื่อ "ทิวเขาแห่ง ดวงจันทร์" ปโตเลมีกล่าวไว้ใกล้เคียงกับความจริงว่าแม่น้ำไนล์มีต้นกำเนิดอยู่ในทิวเขา ลึกลับนี้ เพราะน้ำที่ ละลายจากธารน้ำแข็งใกล้ๆยอดเขาและน้ำฝนที่ตกลงมาปริมาณมหาศาลนั้นได้ไหลลงไป รวมกันที่แม่น้ำเซม ลิกิ ซึ่งเป็นต้นน้ำส่ยหนุ่งของแม่น้ำไนล์สีขาว
ท่องป่าซาฟารี (Safari)
ไฮไลท์ของการเที่ยวแอฟริการใต้ คือ การท่องเที่ยวแบบซาฟารี ชมสัตว์ป่าที่มีชีวิตอยู่อย่างอิสระเสรีตามธรรมชาติ ในป่าซึ่ง ป่าโปร่ง ป่าละเมาะ และทุ่งหญ้า สะวันนา จนถึงกึ่งทะเลทราย แอฟริกาใต้ มีสัตว์ป่ากว่า 220 ชนิด แรงเจอร์ (Ranger) หรือผู้พิทักษ์ป่าและนักตามรอย (Tracker) จะเป็นผู้ขับรถพาชม สัตว์ป่าซาฟารี รถที่ จัดพานั่งชมถ้าเป็นในอุทยานแห่งชาติ จะเป็นรถตู้ หรือรถจิ๊ปมีหลังคา
แหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope)
แหลมที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อยู่ห่างจากเคปทาวน์ราว60กิโลเมตร ในเขตสงวน Cape of Good Hope Nature Reserveแหลมนี้ไม่ใช่ส่วนใต้ที่สุดของทวีปแต่มีชื่อเสียงมากกว่า แหลม ที่อยู่ใต้สุดคือ CapeAgulhasปลายสุดของแหลมมีประภาคาร เห็นรอยตะเข็บที่มหาสมุทรอินเดียกับแอตแลนติกมาพบกันได้ อย่างชัดเจนบนผิวน้ำอากาศบริเวณนี้จะแปรปรวนในทะเลมีหมอก จัดเพราะกระแสน้ำที่มีอุณหภูมิไม่เท่ากันมาปะทะกัน ยากต่อการเดิน เรือในสมัยโบราณ และก่อให้เกิดภาพหลอนมิติอันลึกลับและเรื่องเล่า ขานเกี่ยวกับฟลายอิ้งดัตซ์แมน ( Flying Dutchman) เรือที่พยายามจะ อ้อม ผ่านแหลมกู๊ดโฮปแต่ทำไม่สำเร็จ สูญหายไปเป็นเวลาหลาย ศตวรรษมาแล้ว แต่ยังมีผู้เห็นเรือปีศาจลอยลำหาทางไปในทะเล หมอกหนาทึบจนทุกวันนี้
มาดากัสการ์
มาดากัสการ์ หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมาดากัสการ์ คือชาติเกาะในมหาสมุทรอินเดีย ตั้งอยู่นอกชายฝั่งทางตะวันออกของแอฟริกา ใกล้กับโมซัมบิก เกาะมาดากัสการ์ที่เป็นเกาะหลักเป็นเกาะใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นถิ่นของสายพันธุ์พืชและสัตว์ถึงร้อยละ 5 ของโลก และมีมากกว่าร้อยละ 80 ที่เป็นสัตว์หรือพืชเฉพาะถิ่นมาดากัสการ์ ที่เด่นคือตัวลีเมอร์ซึ่งอยู่ในตระกูลไพรเมต ตัวฟอสซา (fossa) ซึ่งกินเนื้อ นกเฉพาะถิ่น 3 ตระกูล และต้นบาวบับ(baobab) 6 ชนิด ภาษาหลักคือภาษามาลากาซี สมดุลทางธรรมชาติของมาดากัสการ์ถูกคุกคาม เนื่องจากป่าส่วนใหญ่เสียหาย และลีเมอร์ได้สูญพันธุ์ถึง 15 สายพันธุ์
อุทยานแห่งชาติโกลเด้นเกทไฮแลนดส์
ตั้งอยู่เชิงเขามาลูติ (Maluti Mountains) ทางทิศตะวันออกเฉียง เหนือของจังหวัดฟรีสเตท (Free State) อุทยานแห่งนี้ได้ชื่อมาจากแสงอาทิตย์สีทองที่สาดส่องมากระทบกับผาหินทรายภายในบริเวณอุทยาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หินที่ชื่อ ว่าแบรนด์แวก ร็อค (Brandwag rock) ที่ตระหง่านอยู่เหนือบริเวณ แคมป์ที่พัก อาณาบริเวณที่กว้างขวางถึง 11,600 เฮกเตอร์แห่งนี้ มีสภาพแวดล้อมเฉพาะตัว และเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์ในเขตที่ราบ สูงมากมาย ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น วิลเดอร์บีสต์ (Black Wildebeest) ละมั่งอีแลน (Eland) กวางออริบิ (Oribi) ละมั่งสปริง บอค (Springbok) และ ม้าลายเบอร์เชลล์ (Burchell''s zebra) รวม ถึงฝูงนกนานาพันธุ์ และนกหายาก เช่น นกแร้ง Bearded Vulture (Lammergeier) รวมไปถึงนกช้อนหอยหายากพันธุ์ Bald Ibis ซึ่ง มีแหล่งผสมพันธุ์บริเวณแง่ผาหินทราย
อุทยานแห่งชาติเทเบิ้ลเมาท์เท่นอุทยานแห่งชาติ Table Mountain ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา เขตเมืองเคปทาวน์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีภูมิประเทศที่งดงาม รวมทั้งมีทรัพยากรด้านสัตว์ป่าที่น่าสนใจหลายชนิด Table Mountain เป็นภูเขาที่มีความเก่าแก่ โดดเด่นและสำคัญแห่งหนึ่งของโลก มีความสูง 1,086 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง สามารถมองเห็นได้จากแทบทุกมุมของเมืองเคปทาวน์ ถูกประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติของแอฟริกาใต้ ใช้ชื่อตรงตัวว่า Table Mountain National Park มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจ โดยเกิดขึ้นจากหินหลายชนิด ผ่านกระบวนการ ทางธรณีวิทยา และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมายาวนานกว่า 800 ล้านปี จนกระทั่งปรากฏเป็น ภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์ที่เราเห็นในทุกวันนี้
ซันซิตี้
ซันซิตี้ SUN CITYหรือ THE LOST CITY เมืองลับแลแห่งหุบเขาแสงตะวันเป็นเมืองที่ถูกเนรมิตขึ้นจากความคิดของอภิมหาเศรษฐีที่ชื่อว่า ซอล เคิร์ซเนอร์(SOL KERZNER) ที่ลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาลถึง 28,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างนาน 18 ปี และความพยายามอีกล้นเหลือในการเนรมิตผืนดินอันว่างเปล่า และแห้งแล้งในแคว้น BOPHUTHATSWANA กลางอัฟริกาใต้ให้กลายเป็นเมืองแห่งความสำราญ
สะพานแห่งกาลเวลา
สองข้างสะพานมีช้างแกะสลักเรียงรายอยู่ สะพานนี้เชื่อมต่อกับกอง หินมหึมาที่เชื่อว่าเป็น THE LOST CITY ที่สูญหายไปและเพื่อเป็นการตอกย้ำระลึกถึงความทรงจำเขาเลยสร้างสะพานแห่งนี้ขึ้นทุกๆหนึ่งชั่วโมงสะพานจะถูกเขย่าเสมือนแผ่นดินไหว
มหาปีรามิด
มหาปีรามิด หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทั้ง 3พระองค์ ซึ่งองค์ฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณสร้างขึ้นเพื่อฝังพระศพของพระองค์เอง นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุด ของโลก ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 30 ปี และกำลังแรงงานกว่าแสนคน ตัดจากแท่งหินขนาดใหญ่มาก หินแต่ละก้อนวางชิดติดกันแบบแนบสนิทมาก แม้แต่กระดาษก็สอดไม่ผ่านชม ตัวสฟิงซ์ ที่แกะสลักจากเนินหินธรรมชาติ มีส่วนหัวเป็นพระพักตร์ของฟาโรห์และลำตัวเป็นสิงโต